วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

เด็กน้อยพาเที่ยวญี่ปุ่น...สถานที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ต้องไป

แนะนำตัวก่อนนะค่ะ นู๋ชื่อน้องเตตัส นู๋จะพาพี่ๆไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่ไปเที่ยวเป็นสถานที่อยู่ในเส้นการเดินทางและคิดว่าเป็นไฮไลท์ของญี่ปุ่นในแต่ละเมืองแล้ว เพราะดูจากรีวิวจากที่ต่างๆแล้ว เป็นที่คนไทยมักไปกันส่วนใหญ่


ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุววรณภูมิ ไปลงคันไซ  (BKK – KIX) Flight ที่ไปก็ TG 622 ค่ะ
เงินตรา : เยนเป็นสกุลเงินของญี่ปุ่น ในสถานที่ช้อปปิ้งโดยทั่วๆไปจะใช้เงินเยนเท่านั้น ... ส่วนดอลล่าห์สหรัฐฯ แลกตามธนาคาร และโรงแรมทุกแห่ง .... อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 30 บาท ต่อ 100 เยน
กระแสไฟฟ้า : 110 โวลท์ (ประเทศไทย 220 โวลท์), ปลั๊กจะเป็นแบบแบนเท่านั้น (ควรนาหัวต่อปลั๊กแบบแบนไปเอง เนื่องจากทางโรงแรมอาจมีไว้ให้บริการไม่เพียงพอ)
 
 ภายในสนามบินคันไซ

ภายนอกสนามบินคันไซ


ภายนอกสนามบินคันไซ ป้ายรถ



ที่แรกที่น้องเตตัสจะพาไปดูคือ “วัด โทไดจิ”  เป็น“วิหารไม้” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในของวิหารเป็นที่ประดิษฐาน “พระใหญ่เมืองนารา” 

   
และมี พระพุทธรูปองค์นี้ทาจากสาริด ความสูง 16 เมตร หนัก 500 ตัน ถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นพระพุทธรูปองค์ต้นแบบของพระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ

   
ทางด้านซ้ายของพระใหญ่จะมีเสาต้นหนึ่งถูกเจาะรูอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากใครอธิฐานอะไรแล้วสามารถลอดเสาต้นนี้ได้คาอธิฐานจะเป็นจริง 

และได้เพลิดเพลินกับความน่ารักของฝูงกวางมากมายที่ปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติพร้อมป้อนอาหารให้กับกวาง




 
ต่อไปน้องเตตัสจะพาพี่ๆเดินทางสู่เมือง เกียวโตเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของญี่ปุ่นที่เคยรุ่งโรจน์มากว่า 1,000 ปี ... วัดแรกที่จะพาไปคือ วัดคิโยมิสึวัดที่สร้างด้วยท่อนซุงขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูง  

และที่นี้มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ ที่เชื่อกันว่าถ้าดื่ม “น้ำ 3 สาย” นี้ เชื่อกันว่าถ้าดื่มแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลในด้าน “ความร่ารวย ,ความมีชื่อเสียง และ มีสุขภาพดี” 



สถานที่ต่อไป “ปราสาททอง” หรือที่เรียกว่า “ปราสาทคินคาคุจิ” ร่วมย้อนราลึกถึงท่านโชกุนจากการ์ตูนเรื่องดัง “เณรน้อยเจ้าปัญญา - อิคคิวซัง” (วัดนี้ต้องมาให้ได้เพราะเป็นการ์ตูนดังสมัยเด็กๆของคุณพ่อ)

ไปวัดพอแค่นี้ก่อน จุดต่อไป น้องเตตัสจะพาไปล่องเรือกันบ้างนะคะ เรือที่นู๋จะพาไปนั่งเป็น ล่องเรือโจรสลัด ด้วย ได้สัมผัสกับความงามราวกับภาพวาดของทิวทัศน์ของ ทะเลสาบอาชิ” (ใช้เวลาล่อง 30 นาที) แต่ตอนนู๋ไปหมอกลงมีฝนหน่อยๆ เลยอดเห็นทิวทัศน์ เลย

ราคาค่าตั๋วขึ้นเรือ

แวะกินข้าวบ้างดีกว่า มาถึงญี่ปุ่นต้องหากินพวก ขาปูยักษ์ ซูชิ ข้าวหน้าปลาไหล ฯลฯ  แต่หนูทานคาโบนาร่า ที่เหลือคุณพ่อจัดการหมด 





ซาเกแนะนำของญี่ปุ่น
 
คือคุณพ่อทานทุกอย่าง แต่นู๋ทานคาโบนาร่า

 

เป้าหมายต่อไปของนู๋ คือ ไปเล่นหิมะ ตามลอย Frozen แอนนา เอลซ่า ที่นู๋จะพาไปคือ  ภูเขาไฟฟูจิ ที่แรกที่จะไปในโซนนั้นคือ Fuji Ten Snow Resort เพื่อมาเล่นหิมะโดยเฉพาะ

(ภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ และยังเป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะงดงามที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยมีความสูงประมาณ 3
,776 เมตร ซึ่งมีหิมะปกคลุมบนยอดเขาตลอดทั้งปี)
 






 

เมืองต่อไปที่น้องเตตัสจะพาไปคือ โตเกียว เมืองนี้นู๋ก็ชอบ เพราะนู๋จะไปหมุนไข่กาชาปอง และมีของเล่นมากมากให้นู๋ได้ ช็อปปิ้ง แหล่งซื้อของมากมาย และก็มีวัด ศาลเจ้าเช่นเดียวกันกับจังหวัดอื่นๆ และล่องเรือที่ดีไซน์ล้ำยุค

ล่องเรือ HIMIKO WATER BUS เรือรูปทรงเก๋ ดีไซน์ล้ายุค เหมือนยานอวกาศ เรือลานี้มีความยาว 33.3 เมตร จุผู้โดยสารได้ 171 คน ออกแบบให้เป็นกระจกโค้งรับภาพ 3 มิติ ชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา ฮิมิโกะ จะพาท่านล่องไปตามแม่น้า ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับการชมทัศนียภาพตลอดสองฝั่งที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง อาคารสูงใหญ่ใจกลางเมือง ที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย


ต่อไปจะไปศาลเจ้าเมจิในช่วงเช้า และค่อยไป ช้อปปิ้งกันต่อ

อย่ารอช้าไปซื้อตั๋วรถไฟก่อนเลย ซื้อแบบเที่ยวทั้งวันเอาแบบไม่ต้องกลัวหลงนั่งผิดก็นั่งใหม่ไปเรื่อยๆ
สายที่เลือกคือ JR สีเขียว ทั้งหมด 1870 เยน (ผู้ใหญ่สองเด็กหนึ่ง)


ที่นั่ง VIP ของนู๋
ประตู JR สายสีเขียว

ศาลเจ้าเมจินั่งอยู่ Harajuku Station (JR สายสีเขียว) เดินออกมาไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงแล้ว... ระหว่างทางก่อนถึงศาลเจ้ามีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ อยากจะบอกว่าอากาศดีมากๆ อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้บ้าง มีต้นไม้ใหญ่มากๆๆ เหมือนมีป่าต้นไม้ใหญ่อยู่ใจกลางเมืองเลย


ต้นไม้เยอะแยะ อากาศดีเวอร์




  
ศาลเจ้าเก่าแก่อันศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพของคนโตเกียว สร้างขึ้นโดยจักพรรค์ เมจิ และมเหสี โชโกะ ในปี 1920 ตั้งอยู่ใจกลาง สวนโยโยกิสวนที่มีต้นไม้นานาพรรณถึง 1 แสนต้น ทำให้ดูเหมือนกับว่าศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในป่า

อากาศดีมากเข้ามาปุ๊บนู๋หลับยาวอยู่ในรถเข็นเลย ฮ่าๆๆๆๆ



จุดต่อไปเป็นจุดสนใจของนู๋แหละ นั้นคือ “อากิฮาบาร่า” แหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว พร้อมทั้งร้านขายเกมส์ แผ่นเกมส์ และ ตุ๊กตา ของเล่น ต่างๆ พอลงสถานนี อากิฮาบาร่า ห้างแรกเลยใหญ่ของครบ ของเล่นนะ ฮ่าๆๆๆๆ นั้นคือห่าง Yodobashi-Akiba



 เลือกไม่ถูกเลยว่าจะไขตู้ไหน
Sylvanian Family มุมโปรดของนู๋

จะเอากล่องไหนดีหนอ...

สิ้นสุดการรอคอยของหนู และ ของคุณพ่อก็ได้ด้วย อิอิ

ก่อนไปสถานนีต่อไปตามรอยราเมงอร่อยที่ย่านนี้ก่อน ชื่อร้าน 九州じゃんがら 秋葉原本店. 





 คนไทยมากินกันเยอะจนต้องมีเมนูภาษาไทยเลย



สถานนีต่อไปคงเป็นของคุณแม่ "ชินจูกุ" มีสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหลุย นาฬิกามือสอง ครีม เครื่องสำอางต่างๆของญี่ปุ่นราคาถูก  เครื่องใช้ไฟฟ้า, กล้องถ่ายรูป, MP-3, Walkman, CD-Player, คอมพิวเตอร์, Note Book, นาฬิกา, เสื้อผ้า และเครื่องสาอาง เป็นต้น


โซนกระเป๋ามือสอง จะอยู่ใกล้ๆกัน นี้คือร้านแรกคะ วันนั้นไปเจอพนักงานพูดภาษาไทยได้ด้วย
 
อันนี้ร้านที่สองคะ อ่านว่าอะไรไม่รู้อะ

 ร้านที่สามคงรู้จักกันดี DaiKoKuYa มีเว็บด้วย  http://www.daikokuya78.co.jp


 ส่วนร้านนี้จะเน้นเครื่อง สำอาง ป้าย Tax Free โดดเด่น ช่วงนี้ขายดีน่าจะเป็นครีมกันแดดของ Shiseido ขายดีจนหาตามชั้นไม่ได้ ต้องถามพนักงานขาย ^^


 ที่แนะนำอีกที คือ Bic Camera ที่นี้มีขายทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้อง และยังมี Uniqlo ด้วย

สุดท้าย ก่อนกลับบ้าน แวะช้อปปิ้งที่ Driver City มาที่นี้ได้รองเท้า และหมุนไขสนุกเพลินค่ะ

 ไฮไลท์คือ หุ้นกันดั้มอยู่หน้าห้างมันใหญ่มากๆๆๆ
กันดั้มตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ
นั่งรอเครื่องบินกลับประเทศไทยของเรา

น้องเตตัสของจบทริปญี่ปุ่นเท่านี้ก่อนนะคะ เดี่ยวไปเที่ยวไหนอีกจะมาเล่าให้ฟังค่ะ ^^

เรียบเรียงโดย
Tommy Hello